วิธีเลือกไฟให้เหมาะกับบ้าน เลือกสีหลอดไฟ แสงหลอดไฟ อุณหภูมิสีของแสง ค่าเคลวิน ค่า K

Last updated: 11 ส.ค. 2568  |  108 จำนวนผู้เข้าชม  | 

วิธีเลือกไฟให้เหมาะกับบ้าน เลือกสีหลอดไฟ แสงหลอดไฟ อุณหภูมิสีของแสง ค่าเคลวิน ค่า K

แสงไฟไม่ใช่แค่เรื่องของความสว่างเท่านั้น แต่ยังมีผลต่ออารมณ์ ความรู้สึก และสไตล์ของห้องอย่างมาก การเลือกแสงไฟให้เข้ากับสไตล์ของห้องจะช่วยเสริมให้บ้านดูอบอุ่น น่าอยู่ และสะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว

 1. เข้าใจประเภทของแสงไฟก่อนเลือกใช้
ไฟ K หรือ ค่าเคลวิน (Kelvin: K) คือหน่วยที่ใช้วัด อุณหภูมิสีของแสง ซึ่งบ่งบอกว่าแสงที่ปล่อยออกมานั้นมีโทนสีร้อน (แดง/ส้ม) หรือเย็น (ขาว/น้ำเงิน) มากน้อยเพียงใด โดยมีลักษณะดังนี้:

อุณหภูมิสี (Kelvin) มีความหมายอย่างไร?
1,000K – 3,000K
แสงโทนส้ม/แดง เรียกว่า Warm Whiteให้ความรู้สึกอบอุ่น สบาย ผ่อนคลาย
⤷ เหมาะกับ: ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ร้านอาหาร คาเฟ่

4,000K – 5,000K
แสงโทนขาวนวล เรียกว่า Cool White ให้ความรู้สึกสว่าง ธรรมชาติ
⤷ เหมาะกับ: ห้องครัว ห้องน้ำ พื้นที่ทำงานทั่วไป

6,000K – 7,500K
แสงขาวโทนเย็น เรียกว่า Daylight หรือ Cold White ให้ความรู้สึกคมชัด กระตุ้นสมอง เพิ่มสมาธิ
⤷ เหมาะกับ: ห้องทำงาน ห้องอ่านหนังสือ พื้นที่สำนักงาน

8,000K – 20,000K
แสงขาวอมฟ้า มักใช้เฉพาะทาง เช่น ในตู้ปลา ไฟเวที หรือบางงานถ่ายภาพ

คนนิยมใช้ไฟ K เท่าไรมากที่สุด?
โดยทั่วไป ค่า K ที่คนนิยมใช้มากที่สุดในบ้านคือ 2700K – 6500K:
2700K – 3000K: ยอดนิยมในห้องนอนหรือพื้นที่พักผ่อน
4000K – 5000K: ใช้ในห้องครัวหรือพื้นที่ทำงานที่ไม่ต้องการแสงแรงเกินไป
6500K: เป็นแสงขาวสว่างเหมาะกับห้องที่ต้องการความคมชัดสูง เช่น ห้องทำงาน สตูดิโอ หรือโต๊ะเรียน

 

2. เลือกแสงไฟตามสไตล์การตกแต่ง
สไตล์มินิมอล (Minimal Style)
เลือกใช้ไฟ Warm White เพื่อเสริมบรรยากาศสงบ เรียบง่าย มักใช้หลอดไฟทรงกลม โคมไฟตั้งพื้นหรือไฟซ่อนตามขอบ

 

สไตล์โมเดิร์น (Modern Style)
ใช้ Cool White หรือ Daylight เพื่อความชัดเจน สว่าง คุมโทนเรียบหรู มักใช้ไฟซ่อนฝ้าหรือแชนเดอเลอร์แบบเรียบ ๆ

 

สไตล์ลอฟต์ (Loft Style)
เน้นไฟเปลือย (Edison bulb) และ Warm Light เพื่อให้บรรยากาศดูดิบ เท่ และอบอุ่น

 

3. แสงธรรมชาติก็สำคัญ
พิจารณาแสงธรรมชาติที่เข้าห้องในแต่ละช่วงเวลา หากห้องมีแสงแดดจ้าอยู่แล้วอาจใช้ไฟที่มีอุณหภูมิต่ำลงเพื่อไม่ให้ร้อนหรือจ้าเกินไป

 

4. ใช้แสงไฟเพื่อสร้างมิติให้ห้อง
การใช้ไฟหลากหลายจุด เช่น ไฟเพดาน ไฟผนัง ไฟตั้งโต๊ะ หรือไฟซ่อน สามารถทำให้ห้องดูมีมิติ มีจุดโฟกัสมากขึ้น

 

5. เทคนิคการแมตช์แสงไฟกับเฟอร์นิเจอร์
- เฟอร์นิเจอร์ไม้: เหมาะกับไฟ Warm White
- เฟอร์นิเจอร์โทนสีเทา/ขาว/โลหะ: เหมาะกับไฟ Cool White หรือ Daylight
- เฟอร์นิเจอร์ผิวมันเงา: หลีกเลี่ยงแสงจ้าที่สะท้อนเกินไป

 

สรุป
แสงไฟคือองค์ประกอบสำคัญที่มักถูกมองข้าม แค่เลือกให้เหมาะกับสไตล์ของห้องและฟังก์ชันการใช้งาน
ก็สามารถเปลี่ยนห้องธรรมดาให้กลายเป็นพื้นที่ที่คุณรักได้อย่างง่ายดาย

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้